- คุณอยากได้งานใหม่ แต่คุณทำอะไรเพื่อให้ได้มันบ้าง?
- คุณอยากพูดภาษาอังกฤษได้(บ้าง) แล้วคุณทำอะไรให้คุณพูดได้?
- คุณอยากได้เงิน(มากๆ) แต่คุณนั่งถูต้นไม้ขอเลขอยู่ ... หรือเปล่า?
อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (Albert
Einstein) นักวิทยาศาสตร์ผู้สร้างความเปลี่ยนแปลงแห่งโลกฟิสิกส์ เป็นผู้กล่าวประโยคที่เป็นหัวข้อในบทความวันนี้ ตีความแบบเจ็บน้อยหน่อยได้ว่า
หากคุณอยากได้อะไรใหม่ๆ
คุณต้องเปลี่ยนวิธีที่ทำอยู่!
ครูอยากให้คุณลองลิสต์คำตอบของคุณดูจากสามคำถามด้านบนว่า ในวันที่คุณ "พลาด" ในสิ่งที่คุณอยากได้นั้น คุณทำอะไรบ้างที่ทำให้ผลลัพธ์นั้นมันเปลี่ยนไป...
- นั่งติดขอบจอดูละครยอดฮิต ทำให้คุณได้งานไหม?
- นั่งส่องเฟสเพื่อน ดูคลิปคนตีกัน แย่งแฟนกัน ช่วยให้คุณพูดภาอังกฤษได้ไหม?
- คิดว่า "มันยากจัง" "เหนื่อยจัง" "พรุ่งนี่ค่อยทำละกัน" จะทำให้คุณได้เงินมาก อย่างที่คุณอยากได้ไหม?
หากตอบคำถามได้แล้ว
ลองมาดูสมการง่ายๆของ
ไอน์สไตน์ ที่หลายๆคนยังไม่เข้าใจ
หรือนึกไม่ถึง
นั่นคือ
วิธีเดิม ≠ ผลลัพธ์ใหม่
ไม่ว่าคุณจะทำอย่างไร
วิธีเดิมๆของคุณ
ไม่สามารถสร้างผลลัพธ์ใหม่ๆได้ ปัจจุบันที่คุณเป็นอยู่(ผลลัพธ์ในปัจจุบัน)
เป็นผลมาจากอดีตของคุณทั้งหมด (มาจากวิธีเดิม) ดังนั้น หากคุณต้องการผลลัพธ์ใหม่
คุณต้องทำอะไรที่ไม่เหมือนเดิม สมการจะเปลี่ยนเป็น
วิธีใหม่
= ผลลัพธ์ใหม่
ยกตัวอย่างจากการที่คนไทยเรียนภาษาอังกฤษมาไม่รู้กี่สิบปี
กี่ปีผ่านไปครูก็ยังเห็นหลักสูตรการสอนเน้นที่หลักแกรมม่า สอบแบบเลือก a. b. c. d. ท่องจำ แล้วคนเรียนไปเป็นสิบๆปี ก็พูดไม่ได้สักที ปัจจุบัน การเรียนภาษาอังกฤษในบ้านเราก็ยังเป็นแบบเดิมอยู่ในหลายๆพื้นที่ และคนก็ยังพูดภาอังกฤษไม่ได้สักที เข้าหลักสมการ วิธีเดิม ≠ ผลลัพธ์ใหม่
เพราะฉะนั้น หากคุณอยากได้ผลลัพธ์แบบใหม่ คุณต้องลอง 5 เทคนิคต่อไปนี้
จะช่วยให้คุณได้ผลลัพธ์ใหม่ๆในชีวิตที่คุณอยากให้เป็น
ข้อนี้อาจทำยาก
เพราะสำหรับบางคน
การบ่น (Complain) คือการปลดปล่อย
ลองค่อยๆแปลงการบ่น
เป็นการมองหาทางออก
(Solution) เช่น "เห้อ วันนี้รถติด น่าเบื่อที่สุด" เป็น "วันนี้ตอนรถติด
ได้ฟังภาษาอังกฤษในรถตั้งชั่วโมงนึงแน่ะ" เมื่อมุมมองเปลี่ยน วิธีการคุณจะเปลี่ยน
และชีวิตก็จะเปลี่ยน คิดได้แบบนี้ก็ไม่ต้องรอแล้วค่ะ ลงมือทำซะ เลิกบ่นแล้วทำทันที
2. ปลดล็อคทางความคิด เลิกยึดติด – Ask yourself “Wouldn’t it be nice if….?”
การยึดติดว่า น.ศ. จบใหม่เงินเดือนเริ่มต้นคือ หมื่นสอง หมื่นห้า ทำให้คุณตีกรอบความคิดว่าศักยภาพคุณมีไม่เกินเท่าคุณค่าที่ถูกตีราคาไว้ ในการต่อรองเงินเดือน
หลายๆจึงคนไม่กล้าขอเงินเดือนมากๆ เพราะคิดว่าเราคงได้เท่านี้แหละ เดี๋ยวจะไม่ได้งาน แต่คุณทราบไหม
หากบริษัทเขาเห็นว่า
“คุณมีของ" เอาจะแหกกรอบของเขาเพื่อให้ได้คุณมา เพราะฉะนั้น ตื่นมาเช้าๆ ลองถามตัวเองดูว่า “Wouldn’t
it be nice if….?” คือ "มันคงดีนะ ถ้าหากว่าชั้น...
(จะได้งานดีๆ
เงินดีๆ / จะพูดภาษาอังกฤษทางโทรศัพท์ได้แล้วต่างชาติรู้เรื่อง?)" ปลดแอกตัวเอง และใส่ความอยากของคุณเข้าไป
พูดกับตัวเอง
เตือนสติตัวเองทุกวันในสิ่งที่อยากได้หรืออยากเป็น แล้วศักยภาพที่ซ่อนอยู่ในตัวคุณอาจทำให้คุณประหลาดใจ
3. เขียนเป้าหมาย แล้วท้าลุย – Put what you want down in writing
ทำไมคุณต้องเขียน
เพราะเมื่อมันถูกเขียนออกมา
มันจะชัดเจน
มันจะเตือนคุณทุกวัน
คุณกลับมาอ่านใหม่กี่ครั้งก็ได้ เขียนสิ่งที่คุณอยากได้ตัวใหญ่ๆ แล้วแปะไว้ที่กระจกที่คุณมองทุกวัน อาจเป็นในห้องน้ำ
หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง
(อาจเอาลงเป็น Background ในโทรศัพท์ของคุณไปเลย)
มันจะเตือนให้คุณระลึกอยู่เสมอว่า คุณอยากได้อะไร
แล้วคุณก็ ลงมือทำทันที (ครูเอารูปผู้หญิงหุ่นหน้าท้อง 6 แพคไว้ที่หน้าแบคกราวโทรศัพท์ เพราะอยากหุ่นดี 5555555 เวลาหยิบโทรศัพท์มาดู มันก็เตือนเราให้ออกกำลังกายทุกวันนะ) ลองทำดูค่ะ
4. รายล้อมตัวคุณด้วย 5 คนคนต้นแบบ – surround yourself with 5 ideal persons
เวลาคุณเรียนวิชาเลข
คุณเดินไปหาอาจารย์สอนเลข
หรือสอนพละ? มีไหมใครอยากเก่งภาษาอังกฤษ แล้ววิ่งเข้าไปคุยกับคนทัวร์จีนที่พัทยา จงรายล้อมตัวเองด้วยการจัดอันดับ
5 บุคคลต้นแบบที่จะช่วยให้คุณไปถึงเป้าหมายที่คุณเขียนไว้ในข้อ
3 หากคุณอยากพูดภาอังกฤษได้
ให้คุณเข้าไปอยู่ในกลุ่มคนที่พูดได้เก่ง หากอยากเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน
คุณก็วิ่งเข้าไปหาคนที่เขาเป็นแล้วและทำได้ดี เรียนรู้จากเขาว่า
เขาใช้ชิวิตอย่างไร
วันๆนึงเขาแบ่งเวลาอย่างไร
เรียนรู้จากเขาและทำวิธีที่เขาทำ เพราะเขาพิสูจน์มาแล้วว่ามันทำได้สำเร็จ ถึงเวลาที่คุณต้องเรียนรู้เพื่อทำให้ตัวเองสำเร็จแล้ว 5 คนต้นแบบของคุณคือใครคะ?
5. ฝึก ฝึก และ ฝึก - Practice
Practice Practice
ศักยภาพสามารถสร้างได้
มันคือการฝึกและพัฒนาที่ไม่มีขีดจำกัด คุณเท่านั้นที่จะจำกัดศักยภาพของตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้น
การฝึกที่ได้ผลดีที่สุดในโลก คือการฝึกโดยเราไม่รู้สึกว่าเรากำลังฝึกอยู่ เพราะเมื่อคุณรู้สึกว่าคุณเหนื่อย คุณจะท้อ คุณจะคิดว่ามันลำบาก
มันยาก คุณจะไม่อยากทำต่อ
เพราะฉะนั้นเมื่อคุณกำลังฝึก คุณยิ้มให้ตัวเองว่า
"ชั้นทำได้" และสนุกไปกับมัน
ทำให้มันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคุณ และคุณจะ Practice
practice practice ไปตลอดชีวิตได้แบบมีความสุข (ข้อนี้ครูทำมาตลอดในการพูดภาษาอังกฤษ แล้วตอนนี้ก็ชนะเลิศค่ะ!)
สรุป 5 เทคนิค เปลี่ยนตัวเอง
1. เลิกบ่น แล้วลงมือทำ
– Stop complaining and Just do it!
2. ปลดล็อคทางความคิด
เลิกยึดติด
– Ask yourself "Wouldn't it be nice if......?"
3. เขียนเป้าหมาย
แล้วท้าลุย
– Put what you want in writing
4. รายล้อมตัวคุณด้วย
5 คนแบบอย่าง
– Surround yourself with 5 ideal persons
5. ฝึก ฝึก และฝึก - Practice
Practice Practice
อย่าลืมสมการของไอน์สไตน์
"วิธีเดิมๆ ≠ ผลลัพธ์ใหม่" นะคะ
Keep well & see you soon ^^
KRUBOW SUNIDAบทความนี้ได้รับแรงบันดาลใจจาก คุณบัณฑิต อึ้งรังษี
Inspired by Mr. Bundit Ungrangsee
Thailand’s Top Bestseller, Speakers and Trainer of the Trainers
http://bundit.org/ and https://en.wikipedia.org/wiki/Bundit_Ungrangsee
photo credit: http://www.sevenquotes.com/insanity/
No comments:
Post a Comment